
"การ์ตูนอนิเมชั่น เป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่องและความบันเทิงด้านภาพ ที่สร้างความสนุกเพลิดเพลินและความรู้ ให้กับผู้ชมทุกเพศทุกวัยทั่วโลก"
วอล์ท ดิสนีย์
นิตยสาร Time ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ได้คัดเลือกบุคคลสาขาอาชีพต่างๆ ในฐานะเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษ และหนึ่งในบุคคลที่ได้รับคัดเลือกคือ วอล์ท ดิสนี่ย์ นักนวกรรมที่เปลี่ยนวิถีของโลกใบนี้ ตลอดเวลา 43 ปีในงานอาชีพของเขา ดิสนีย์เป็นผู้พัฒนาเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ให้ทันสมัยมากขึ้น เป็นผู้สร้างสรรค์ มีจิตนาการสูง ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักและประทับใจของคนทั่วโลก วอล์ท ดิสนีย์ ได้รับรางวัลออสการ์ไปถึง 48 รางวัล และรางวัลเอ็มมี่อีก 7 รางวัล
วอล์ท ดิสนีย์ (วอลเตอร์ เอเลียส ดิสนีย์) เป็นทั้งผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียนบท นักพากย์เสียงการ์ตูน นักทำอนิเมชั่น ดิสนีย์รับจ้างเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะมุ่งสู่ถนนสายฮอลลีวูดในปี 1923 ขณะที่มีอายุได้ 22 ปี ดิสนีย์ต้องต่อสู้และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย จนสามารถตั้งบริษัทสร้างการ์ตูนตามความฝันของเขาได้ ดิสนีย์ได้สร้างสรรค์ตัวการ์ตูนที่เป็นขวัญใจของเด็กๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น มิคกี้ เม้าส์, โดนัลด์ ดั๊ก, กูฟฟี่ และพลูโต โดยตัวละครเหล่านี้อยู่ในการ์ตูนสั้นชุด Mickey Mouse และ Silly Symphonies ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคนิคของอนิเมชั่นในเวลาต่อมา
เมื่อ The Jazz Singer (1927) หนังเสียงเรื่องแรกของโลกออกฉาย คนดูตื่นเต้นมากกับภาพและเสียงที่ปรากฏบนจอ (หลังจากที่ดูหนังเงียบมานานหลายปี) และอีกหนึ่งปีต่อมาในปี 1928 การ์ตูนมิคกี้ เม้าส์ เรื่องที่สาม คือ Steamboat Willie ถูกสร้างเป็นการ์ตูนเสียงเรื่องแรกของโลก โดยมีดิสนีย์เป็นผู้พากย์เสียงมิคกี้ เม้าส์ เขาพากย์เสียงการ์ตูนตัวนี้เรื่อยมาจนถึงปี 1946
ต่อมาดิสนีย์ได้นำเทคนิคด้านสีมาใช้ในหนังการ์ตูนเรื่อง Silly Symphonies ก่อนจะพัฒนาเป็นหนังสีสมบูรณ์แบบจากเรื่อง Flowers and Trees (1932) และหนังเรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์หนังอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยม
แม้จะผลิตการ์ตูนซีรีย์ไปแล้วถึงสองเรื่อง แต่ดิสนีย์ก็ยังไม่พอใจ เขาวางแผนจะสร้างหนังการ์ตูนเรื่องยาว Snow White and the Seven Dwarfs ขึ้นในปี 1934 แต่หุ้นส่วนเขาไม่เห็นด้วย เพราะเกรงจะทำให้บริษัทล้มละลายได้ หากการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ทำเงิน และขอให้เขาถอนตัวจากโครงการนี้เสีย แต่ดิสนีย์ก็ยืนหยัดที่จะสร้างต่อไป และตลอดเวลา 4 ปี แห่งความทุ่มเทพยายาม หนังการ์ตูนเรื่องยาว Snow White and the Seven Dwarfs ก็เสร็จสมบูรณ์และออกฉายในช่วงคริสต์มาสปี 1937 หนังทำสถิติรายได้ทำเงินสูงสุด ก่อนจะถูกหนัง Gone with the wind (1939) ลบสถิติในเวลาต่อมา
Pinocchio และ Fantasia เป็นหนังการ์ตูนเรื่องต่อมาของดิสนีย์ ที่ออกฉายในปี 1940 แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ ต่อมาการ์ตูนเรื่อง Dumbo (1941) กลับประสบความสำเร็จด้านรายได้
เมื่ออเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทางรัฐบาลได้ติดต่อดิสนีย์ สตูดิโอ ให้สร้างหนังที่เรียกขวัญ และกำลังใจให้คนในประเทศ Der Fuehrer's Face (1943) เป็นหนังการ์ตูนที่ต่อต้านนาซีและล้อเลียน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ โดยมี โดนัลด์ ดั๊ก แสดงนำ และหนังได้รางวัลออสการ์หนังอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยม เมื่อสงครามโลกสงบลง และดิสนีย์ สตูดิโอ ฟื้นตัวจากภาวะสงคราม จึงเริ่มงานสร้างการ์ตูนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันกว่า 50 เรื่อง เช่น Cinderella (1950), Alice in Wonderland (1951), Peter Pan (1953), Lady and the Tramp (1955), Sleeping Beauty (1959), 101 Dalmatians (1961), The Jungle Book (1967) ฯลฯ หนังการ์ตูนเหล่านี้ครองใจคนดูมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
อีกก้าวสำคัญของวอล์ท ดิสนี่ย์ คือ การสร้างสวนสนุก ดิสนีย์แลนด์ แห่งแรกในโลก และเปิดทำการเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 1955 ดิสนีย์กล่าวว่า ดิสนีย์แลนด์ จะไม่มีวันเสร็จสมบรูณ์ ตราบใดที่มนุษยชาติยังมีจินตนาการ คือต้องสร้างต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
วอล์ท ดีสนีย์ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1966 จากโรคมะเร็งที่ปอด ผลงานของวอล์ท ดิสนีย์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ อนิเมชั่น โทรทัศน์ รวมทั้งความบันเทิงด้านอื่นๆ ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วโลก วอล์ท ดิสนีย์ เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลด้านบันเทิงมากที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 ดิสนีย์ได้กล่าวไว้ว่า "อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของดิสนีย์ยืนยงมาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะเราเริ่มต้นจากหนูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง" (I hope we never lose sight of one thing that this was all started by a mouse) นี่คือคำจำกัดความของวอล์ท ดิสนีย์....ราชาการ์ตูนโลก
ผลงานแห่งความทรงจำ
Fantasia (1940)
หนังอนิเมชั่นสุดยอดของโลก กับแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร เริ่มจากเลือกดนตรีคลาสสิคมาทั้งหมด 8 เพลง แล้วนักวาดการ์ตูนจึงสร้างตัวละครขึ้นมา 8 ตัว เพื่อโลดแล่นบนหน้าจอไปพร้อมๆ กับเพลงที่คัดเลือกมา ภาพที่ได้เห็นจึงมาจากจินตนาการทั้งสิ้น เหมือนการตีความดนตรีคลาสสิคในรูปแบบที่เข้าใจง่ายโดยใช้การ์ตูน งานภาพเรื่องนี้ งดงาม มีสีสัน ยิ่งใหญ่ตระการตา จะไม่มีหนังอนิเมชั่นแบบนี้ให้ดูอีกแล้ว
Snow White and the Seven Dwarfs (1937)
การ์ตูนอนิเมชั่นที่ลงทุนมหาศาล ที่สร้างขึ้นในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ใช้เวลาสร้าง 4 ปี ทีมงานกว่า 750 คนซึ่งส่วนมากเป็นนักทำอนิเมชั่น ที่ช่วยกันวาดภาพกว่า 1 ล้านภาพ วอล์ท ดิสนีย์ ลงทุนชีวิตกับหนังเรื่องนี้ ทำให้เขาเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว ยอมติดหนี้ธนาคารเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด แต่การลงทุนลงแรงของเขาไม่สูญเปล่า อนิเมชั่นเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในทุกด้าน ได้ทั้งเงินและกล่อง เป็นหนังที่ครองใจคนดูทั่วโลกมาช้านาน ไม่เฉพาะเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็สามารถระลึกถึงความหลังได้อีก โดยดูหนังเรื่องนี้กับลูกหลานของพวกเขา
Bambi (1942)
วัฏจักรแห่งชีวิต (การเกิด-ตาย) การเรียนรู้โลกกว้างในแง่มุมต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์ของกวางน้อยแบมบี้ที่กำพร้าแม่ ฉากที่แม่ของแบมบี้ถูกนายพรานยิงตาย สร้างความสะเทือนใจอย่างสูงให้กับแบมบี้และคนดู เป็นหนังอนิเมชั่นที่ให้ภาพการตายแบบจริงจัง และหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน วัยแห่งสดใสบริสุทธิ์ได้ผ่านไปแล้ว นี่คือการผจญในโลกความจริงของแบมบี้
Cinderella (1950)
อนิเมชั่นในรูปแบบเทพนิยายที่เข้าถึงจิตใจคนดู นางเอกแสนดีแต่ตกยาก ถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้ามสารพัด แต่ความดีที่ทำช่วยให้เธอผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ สุดท้ายเธอได้แต่งงานกับชายคนรัก และมีความสุขตั้งแต่นั่นสืบมา นี่คือสูตรสำเร็จที่ละครและหนังมากมายในปัจจุบัน นิยมหยิบยืมเอาพล็อต "นางซิน" มาใช้กันจนเกร่อ และจะมีให้เห็นต่อไปอีกนาน
Lady and the Tramp (1955)
หรือชื่อภาษาไทยที่เรารู้จักกกันดีว่า "ทรามวัยกับไอ้ตูบ" หนังอนิเมชั่นเรื่องที่ 15 ของดิสนีย์ กับเรื่องราวของเลดี้ หมาพันธุ์ค็อคเกอร์ สปาเนี่ยล เคยเป็นขวัญใจของเจ้านายที่เป็นมนุษย์ แต่เมื่อพวกเขามีลูก เลดี้ก็ตกกระป๋อง เจ้านายไม่เหลียวแล เลดี้ออกมานอกบ้านและพบกับไอ้ตูบหมาจรจัด ก่อนจะตกหลุมรักกันและกัน เป็นอนิเมชันที่ดูสนุกตลอดทั้งเรื่อง และคนที่รักสุนัขจะชอบมากเป็นพิเศษ
Beauty and the Beast (1991)
นี่เป็นอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในงานประจำปี 1991 สมบรูณ์ทั้งงานภาพ การเล่าเรื่อง ดนตรีประกอบ ความงามที่แท้จริงซ่อนอยู่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก คิดถึงโฆษณาบะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่งจังที่หยิบยืมไอเดียของหนังเรื่องนี้ไปทำ
วอล์ท ดิสนีย์
นิตยสาร Time ที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ได้คัดเลือกบุคคลสาขาอาชีพต่างๆ ในฐานะเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษ และหนึ่งในบุคคลที่ได้รับคัดเลือกคือ วอล์ท ดิสนี่ย์ นักนวกรรมที่เปลี่ยนวิถีของโลกใบนี้ ตลอดเวลา 43 ปีในงานอาชีพของเขา ดิสนีย์เป็นผู้พัฒนาเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ให้ทันสมัยมากขึ้น เป็นผู้สร้างสรรค์ มีจิตนาการสูง ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักและประทับใจของคนทั่วโลก วอล์ท ดิสนีย์ ได้รับรางวัลออสการ์ไปถึง 48 รางวัล และรางวัลเอ็มมี่อีก 7 รางวัล
วอล์ท ดิสนีย์ (วอลเตอร์ เอเลียส ดิสนีย์) เป็นทั้งผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียนบท นักพากย์เสียงการ์ตูน นักทำอนิเมชั่น ดิสนีย์รับจ้างเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะมุ่งสู่ถนนสายฮอลลีวูดในปี 1923 ขณะที่มีอายุได้ 22 ปี ดิสนีย์ต้องต่อสู้และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย จนสามารถตั้งบริษัทสร้างการ์ตูนตามความฝันของเขาได้ ดิสนีย์ได้สร้างสรรค์ตัวการ์ตูนที่เป็นขวัญใจของเด็กๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น มิคกี้ เม้าส์, โดนัลด์ ดั๊ก, กูฟฟี่ และพลูโต โดยตัวละครเหล่านี้อยู่ในการ์ตูนสั้นชุด Mickey Mouse และ Silly Symphonies ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคนิคของอนิเมชั่นในเวลาต่อมา
เมื่อ The Jazz Singer (1927) หนังเสียงเรื่องแรกของโลกออกฉาย คนดูตื่นเต้นมากกับภาพและเสียงที่ปรากฏบนจอ (หลังจากที่ดูหนังเงียบมานานหลายปี) และอีกหนึ่งปีต่อมาในปี 1928 การ์ตูนมิคกี้ เม้าส์ เรื่องที่สาม คือ Steamboat Willie ถูกสร้างเป็นการ์ตูนเสียงเรื่องแรกของโลก โดยมีดิสนีย์เป็นผู้พากย์เสียงมิคกี้ เม้าส์ เขาพากย์เสียงการ์ตูนตัวนี้เรื่อยมาจนถึงปี 1946
ต่อมาดิสนีย์ได้นำเทคนิคด้านสีมาใช้ในหนังการ์ตูนเรื่อง Silly Symphonies ก่อนจะพัฒนาเป็นหนังสีสมบูรณ์แบบจากเรื่อง Flowers and Trees (1932) และหนังเรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์หนังอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยม
แม้จะผลิตการ์ตูนซีรีย์ไปแล้วถึงสองเรื่อง แต่ดิสนีย์ก็ยังไม่พอใจ เขาวางแผนจะสร้างหนังการ์ตูนเรื่องยาว Snow White and the Seven Dwarfs ขึ้นในปี 1934 แต่หุ้นส่วนเขาไม่เห็นด้วย เพราะเกรงจะทำให้บริษัทล้มละลายได้ หากการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ทำเงิน และขอให้เขาถอนตัวจากโครงการนี้เสีย แต่ดิสนีย์ก็ยืนหยัดที่จะสร้างต่อไป และตลอดเวลา 4 ปี แห่งความทุ่มเทพยายาม หนังการ์ตูนเรื่องยาว Snow White and the Seven Dwarfs ก็เสร็จสมบูรณ์และออกฉายในช่วงคริสต์มาสปี 1937 หนังทำสถิติรายได้ทำเงินสูงสุด ก่อนจะถูกหนัง Gone with the wind (1939) ลบสถิติในเวลาต่อมา
Pinocchio และ Fantasia เป็นหนังการ์ตูนเรื่องต่อมาของดิสนีย์ ที่ออกฉายในปี 1940 แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ ต่อมาการ์ตูนเรื่อง Dumbo (1941) กลับประสบความสำเร็จด้านรายได้
เมื่ออเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทางรัฐบาลได้ติดต่อดิสนีย์ สตูดิโอ ให้สร้างหนังที่เรียกขวัญ และกำลังใจให้คนในประเทศ Der Fuehrer's Face (1943) เป็นหนังการ์ตูนที่ต่อต้านนาซีและล้อเลียน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ โดยมี โดนัลด์ ดั๊ก แสดงนำ และหนังได้รางวัลออสการ์หนังอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยม เมื่อสงครามโลกสงบลง และดิสนีย์ สตูดิโอ ฟื้นตัวจากภาวะสงคราม จึงเริ่มงานสร้างการ์ตูนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันกว่า 50 เรื่อง เช่น Cinderella (1950), Alice in Wonderland (1951), Peter Pan (1953), Lady and the Tramp (1955), Sleeping Beauty (1959), 101 Dalmatians (1961), The Jungle Book (1967) ฯลฯ หนังการ์ตูนเหล่านี้ครองใจคนดูมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
อีกก้าวสำคัญของวอล์ท ดิสนี่ย์ คือ การสร้างสวนสนุก ดิสนีย์แลนด์ แห่งแรกในโลก และเปิดทำการเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 1955 ดิสนีย์กล่าวว่า ดิสนีย์แลนด์ จะไม่มีวันเสร็จสมบรูณ์ ตราบใดที่มนุษยชาติยังมีจินตนาการ คือต้องสร้างต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
วอล์ท ดีสนีย์ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1966 จากโรคมะเร็งที่ปอด ผลงานของวอล์ท ดิสนีย์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ อนิเมชั่น โทรทัศน์ รวมทั้งความบันเทิงด้านอื่นๆ ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วโลก วอล์ท ดิสนีย์ เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลด้านบันเทิงมากที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 ดิสนีย์ได้กล่าวไว้ว่า "อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของดิสนีย์ยืนยงมาถึงทุกวันนี้ได้ เพราะเราเริ่มต้นจากหนูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง" (I hope we never lose sight of one thing that this was all started by a mouse) นี่คือคำจำกัดความของวอล์ท ดิสนีย์....ราชาการ์ตูนโลก
ผลงานแห่งความทรงจำ
Fantasia (1940)
หนังอนิเมชั่นสุดยอดของโลก กับแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร เริ่มจากเลือกดนตรีคลาสสิคมาทั้งหมด 8 เพลง แล้วนักวาดการ์ตูนจึงสร้างตัวละครขึ้นมา 8 ตัว เพื่อโลดแล่นบนหน้าจอไปพร้อมๆ กับเพลงที่คัดเลือกมา ภาพที่ได้เห็นจึงมาจากจินตนาการทั้งสิ้น เหมือนการตีความดนตรีคลาสสิคในรูปแบบที่เข้าใจง่ายโดยใช้การ์ตูน งานภาพเรื่องนี้ งดงาม มีสีสัน ยิ่งใหญ่ตระการตา จะไม่มีหนังอนิเมชั่นแบบนี้ให้ดูอีกแล้ว
Snow White and the Seven Dwarfs (1937)
การ์ตูนอนิเมชั่นที่ลงทุนมหาศาล ที่สร้างขึ้นในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ใช้เวลาสร้าง 4 ปี ทีมงานกว่า 750 คนซึ่งส่วนมากเป็นนักทำอนิเมชั่น ที่ช่วยกันวาดภาพกว่า 1 ล้านภาพ วอล์ท ดิสนีย์ ลงทุนชีวิตกับหนังเรื่องนี้ ทำให้เขาเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว ยอมติดหนี้ธนาคารเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด แต่การลงทุนลงแรงของเขาไม่สูญเปล่า อนิเมชั่นเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในทุกด้าน ได้ทั้งเงินและกล่อง เป็นหนังที่ครองใจคนดูทั่วโลกมาช้านาน ไม่เฉพาะเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็สามารถระลึกถึงความหลังได้อีก โดยดูหนังเรื่องนี้กับลูกหลานของพวกเขา
Bambi (1942)
วัฏจักรแห่งชีวิต (การเกิด-ตาย) การเรียนรู้โลกกว้างในแง่มุมต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์ของกวางน้อยแบมบี้ที่กำพร้าแม่ ฉากที่แม่ของแบมบี้ถูกนายพรานยิงตาย สร้างความสะเทือนใจอย่างสูงให้กับแบมบี้และคนดู เป็นหนังอนิเมชั่นที่ให้ภาพการตายแบบจริงจัง และหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน วัยแห่งสดใสบริสุทธิ์ได้ผ่านไปแล้ว นี่คือการผจญในโลกความจริงของแบมบี้
Cinderella (1950)
อนิเมชั่นในรูปแบบเทพนิยายที่เข้าถึงจิตใจคนดู นางเอกแสนดีแต่ตกยาก ถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้ามสารพัด แต่ความดีที่ทำช่วยให้เธอผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ สุดท้ายเธอได้แต่งงานกับชายคนรัก และมีความสุขตั้งแต่นั่นสืบมา นี่คือสูตรสำเร็จที่ละครและหนังมากมายในปัจจุบัน นิยมหยิบยืมเอาพล็อต "นางซิน" มาใช้กันจนเกร่อ และจะมีให้เห็นต่อไปอีกนาน
Lady and the Tramp (1955)
หรือชื่อภาษาไทยที่เรารู้จักกกันดีว่า "ทรามวัยกับไอ้ตูบ" หนังอนิเมชั่นเรื่องที่ 15 ของดิสนีย์ กับเรื่องราวของเลดี้ หมาพันธุ์ค็อคเกอร์ สปาเนี่ยล เคยเป็นขวัญใจของเจ้านายที่เป็นมนุษย์ แต่เมื่อพวกเขามีลูก เลดี้ก็ตกกระป๋อง เจ้านายไม่เหลียวแล เลดี้ออกมานอกบ้านและพบกับไอ้ตูบหมาจรจัด ก่อนจะตกหลุมรักกันและกัน เป็นอนิเมชันที่ดูสนุกตลอดทั้งเรื่อง และคนที่รักสุนัขจะชอบมากเป็นพิเศษ
Beauty and the Beast (1991)
นี่เป็นอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในงานประจำปี 1991 สมบรูณ์ทั้งงานภาพ การเล่าเรื่อง ดนตรีประกอบ ความงามที่แท้จริงซ่อนอยู่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก คิดถึงโฆษณาบะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่งจังที่หยิบยืมไอเดียของหนังเรื่องนี้ไปทำ
No comments:
Post a Comment