
แมตต์ สโตน และ เทรย์ พาร์คเกอร์ กลายเป็นคู่หูนักทำหนังที่ไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไร ดูจะกลายเป็นความล้มเหลวไปเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะคุณภาพหรือความสำเร็จ ไม่เชื่อดูผลงานส่วนหนึ่งของพวกเขาอย่าง Baseketball ที่พวกเขาแสดงนำนั้น เกือบจะปิดตำนานยูนิเวอร์แซลเลยทีเดียว หรือ Orgazmo ที่เละเทะจน เอ่อ...ไม่พูดดีกว่า ขณะเดียวกัน พวกเขาจะกลายเป็นหนุ่มเท่ทันทีที่เลือกจับงานอนิเมชั่น ยกตัวอย่างเช่น Team America: World Police ที่ใช้หุ่นเชิดแสดงนำนั้น บ้าบิ่นพอที่จะเข้าชิงเอ็มทีวี อวอร์ด และที่เป็นตำนานแห่งวงการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ คงไม่พ้นอนิเมชั่นหยาบคาย ที่พูดถึงเด็กนรก 4 คน แห่ง South Park
หลังจากออกอากาศครั้งแรกในปี 1997 South Park เดินทางเข้าสู่ปีที่10 ได้ในที่สุด ซึ่งจากสถิติแล้ว นี่คือการ์ตูนซีรีส์ที่ออกอากาศนานที่สุด เป็นอันดับ 3 ในอเมริกา รองจาก The Simpsons และ Rugrats เท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อปี 2005 South Park ยังได้รับการโหวตให้ติดอันดับ 100 การ์ตูนยอดเยี่ยมตลอดกาล เป็นอันดับที่ 3 เช่นกัน โดยรองจากสองอมตะอย่าง The Simpsons และ Tom and Jerry และที่สำคัญ ในปีเดียวกันนี้ South Park ยังได้รับรางวัลเอ็มมี่ หรือออสการ์แห่งวงการโทรทัศน์ ในสาขา ซีรีส์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม มาการันตีอีกด้วย
เจ้าเด็ก 4 คน ที่ห่าม บ้า และโหด มันมีอะไรดีนักหนา ถึงได้ครองใจผู้ชมมาได้เกือบ 10 ปีขนาดนี้ ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดิน คงเพราะมันห่าม บ้า และโหด นั่นแหละที่เป็นเสน่ห์ของ South Park จนสามารถอยู่ยงคงกระพันมาได้ถึงทุกวันนี้ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เกิดการ์ตูนสุดป่วนเรื่องนี้ขึ้นมาได้
ในปี 1992 ตอนนั้น เทรย์ พาร์คเกอร์ กับ แมตต์ สโตน ยังเป็นนักเรียนหนังอยู่ที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด ทั้งคู่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์อนิเมชั่นขนาดสั้นขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นั่นคือ Jesus vs. Frosty ที่พูดถึง เคนนี่ (ดูเผินๆ จะคล้ายกับตัวละคร คาร์ทแมนใน South Park) และเพื่อนซี้นิรนาม (นี่ก็คล้าย ไคล์) ที่รวมหัวกันฆาตกรรมสโนว์แมน เพียงเพื่อแย่งหมวกเวทมนต์มาครองให้ได้เท่านั้น
หลังจากนั้น ผู้บริหารของฟ๊อกซ์ มีโอกาสได้ชม Jesus vs. Frosty ทำให้ สโตนและพาร์คเกอร์ ได้รับอานิสงส์ ได้สร้างอนิเมชั่นเป็นเรื่องที่ 2 The Spirit of Christmas ที่หน้าตาของ South Park เริ่มเด่นชัดขึ้น เมื่อพระเจ้า ทำสงครามกับซานตาคลอส เป็นเหตุให้เด็กๆ ต้องออกมาปกป้องคริสต์มาสของเขา หนังนั้นฮิตมากในหมู่นักดูหนังใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเตอร์เน็ต และนี่เองที่ทำให้ทั้งคู่ได้ก้าวขึ้นมาทำ South Park
South Park เก็บเรตติ้งช่วงกลางคืนมาโดยตลอด กระทั่งในปี 1999 คู่หูนักทำหนัง พาร์คเกอร์และสโตน จึงได้โอกาสพา แสตน, ไคล์, คาร์ทแมน และ เคนนี 4 เด็กแสบแห่ง South Park ขึ้นจอหนังอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที กับ South Park: Bigger, Longer & Uncut แน่นอน เมื่อครั้งอยู่ในจอแก้ว ความห่าม ความรุนแรง และความหยาบคาย ไม่สามารถได้รับการเสนอออกมาอย่างเต็มที่ อย่ากระนั้นเลย ขึ้นจอใหญ่ทั้งที พาร์คเกอร์กับสโตนจึงปล่อยของออกมาอย่างเต็มเหนี่ยว จนได้รับเกียรติติดเรต NC-17 เข้าให้ ลำพังพาร์คเกอร์กับสโตน ไม่ยี่หระอยู่แล้ว แต่คนที่มีปัญหาคือพาราเมาท์ ผู้จัดจำหน่ายหนังในอเมริกาต่างหาก เพราะเดิมที สตูดิโอต้องการให้หนังหยุดอยู่ที่เรต PG-13 ด้วยซ้ำ
South Park: Bigger, Longer & Uncut แอบทำเก๋ ด้วยการขึ้นจอใหญ่ในรูปของหนังเพลง แต่เพลงใน South Park ย่อมไม่ธรรมดา ไม่เชื่อลองดูชื่อเพลงเหล่านี้ Uncle F*cka, What Would Brian Boitano Do? และ Blame Canada แต่ พาร์คเกอร์กับสโตน ไม่ได้เก๋แต่เพียงลำพัง เพราะคณะกรรมการออสการ์ก็เอากับเขา ด้วยการเสนอชื่อ Blame Canada เข้าชิงเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่สุดท้ายคณะกรรมการก็ห่ามไม่ถึงที่สุด เพราะผู้ชนะคือ You’ll Be in My Heart จากการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Tarzan นั่นเอง
ความรุนแรงในหนัง ทำให้เกิดกลุ่มที่เคร่งศาสนา การเมือง ลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน เพราะสิ่งที่เห็นในหนัง มีทั้งฉากเซ็กซ์ของซาตานกับซัดดัม ฮุสเซ็น มีการฆาตกรรมเด็กอย่างทารุณ มีการฆ่าตัวตาย มีฉากนู้ด คำหยาบ และอื่นๆ อีกมากมาย
ตัวหนังนั้นเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก แม้ว่ากว่าครึ่งโลกจะแบนหนังเรื่องนี้ก็ตาม (ประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น) และทำให้เทรย์ พาร์คเกอร์ กับ แมตต์ สโตน กลายเป็นนักสร้างหนัง และนักสร้างวัฒนธรรมใหม่ไปในคราวเดียวกัน ถึงแม้ Team America: World Police อนิเมชั่นเรื่องถัดมาของพวกเขา จะได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ แต่กลับนิ่งสนิทในบ็อกซ์ ออฟฟิศ คงไม่มีอะไรเหมาะสมกับทั้งคู่ไปกว่า South Park อีกแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้ตัวเองเช่นกัน เพราะล่าสุด ทั้งคู่ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า ปี 2010 คุณยังได้ดู South Park แน่นอน
เก็บตกจาก South Park
- เคนนี่ ตายเกือบทุกตอนในฉบับการ์ตูนที่ออกฉายทางโทรทัศน์ และเกือบทุกครั้งที่เคนนี่ตาย จะมีหนูวิ่งกรูกันออกมาแทะศพ แล้ววิ่งออกไป
- ปี 2002 South Park: Bigger, Longer & Uncut ได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ้คเรียบร้อยแล้วว่า เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีความรุนแรงมากที่สุดในโลก นั่นคือ มีคำหยาบหลุดออกมาถึง 399 ครั้ง ฉากที่แสดงความก้าวร้าวอีก 199 ฉาก และมีการแสดงความโหดร้ายอีก 221 ฉาก
- จอร์จ คลูนีย์ ถือเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของทั้งเทรย์ พาร์คเกอร์ และแมตต์ สโตน เพราะคลูนีย์คือส่วนสำคัญในการเผยแพร่ The Spirit of Christmas ดังนั้น เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณ ทั้งคู่จึงชวนคลูนีย์มาให้เสียงพากย์ในตอน Big Gay Al’s Big Gay Boat Ride ในบท...หมาเกย์! โดยที่ตัวละครนี้ไม่มีบทพูดอีกต่างหาก มีแต่เสียงเห่าเท่านั้น (เอาเข้าไป) หลังจากนั้น คลูนีย์ยังได้มาให้เสียงพากย์เป็นคุณหมอที่ปล่อยให้เคนนี่ตาย (ล้อเลียนตัวเองจาก ER) ใน South Park: Bigger, Longer & Uncut อีกด้วย
- ลักษณะตัวละครของ 4 เด็กแสบ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพการ์ตูนในหนังเรื่อง Monty Python’s Flying Circus โดยฝีมือของของเทอร์รี กิลเลียม ฮีโร่ของพวกเขา
- ใครนึกสนุก อยากสร้างสรรค์ตัวละครใหม่ของ South Park ในรูปแบบของตัวเอง เชิญได้เลยที่ http://images.southparkstudios.com/games/create/
หลังจากออกอากาศครั้งแรกในปี 1997 South Park เดินทางเข้าสู่ปีที่10 ได้ในที่สุด ซึ่งจากสถิติแล้ว นี่คือการ์ตูนซีรีส์ที่ออกอากาศนานที่สุด เป็นอันดับ 3 ในอเมริกา รองจาก The Simpsons และ Rugrats เท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อปี 2005 South Park ยังได้รับการโหวตให้ติดอันดับ 100 การ์ตูนยอดเยี่ยมตลอดกาล เป็นอันดับที่ 3 เช่นกัน โดยรองจากสองอมตะอย่าง The Simpsons และ Tom and Jerry และที่สำคัญ ในปีเดียวกันนี้ South Park ยังได้รับรางวัลเอ็มมี่ หรือออสการ์แห่งวงการโทรทัศน์ ในสาขา ซีรีส์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม มาการันตีอีกด้วย
เจ้าเด็ก 4 คน ที่ห่าม บ้า และโหด มันมีอะไรดีนักหนา ถึงได้ครองใจผู้ชมมาได้เกือบ 10 ปีขนาดนี้ ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดิน คงเพราะมันห่าม บ้า และโหด นั่นแหละที่เป็นเสน่ห์ของ South Park จนสามารถอยู่ยงคงกระพันมาได้ถึงทุกวันนี้ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เกิดการ์ตูนสุดป่วนเรื่องนี้ขึ้นมาได้
ในปี 1992 ตอนนั้น เทรย์ พาร์คเกอร์ กับ แมตต์ สโตน ยังเป็นนักเรียนหนังอยู่ที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด ทั้งคู่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์อนิเมชั่นขนาดสั้นขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นั่นคือ Jesus vs. Frosty ที่พูดถึง เคนนี่ (ดูเผินๆ จะคล้ายกับตัวละคร คาร์ทแมนใน South Park) และเพื่อนซี้นิรนาม (นี่ก็คล้าย ไคล์) ที่รวมหัวกันฆาตกรรมสโนว์แมน เพียงเพื่อแย่งหมวกเวทมนต์มาครองให้ได้เท่านั้น
หลังจากนั้น ผู้บริหารของฟ๊อกซ์ มีโอกาสได้ชม Jesus vs. Frosty ทำให้ สโตนและพาร์คเกอร์ ได้รับอานิสงส์ ได้สร้างอนิเมชั่นเป็นเรื่องที่ 2 The Spirit of Christmas ที่หน้าตาของ South Park เริ่มเด่นชัดขึ้น เมื่อพระเจ้า ทำสงครามกับซานตาคลอส เป็นเหตุให้เด็กๆ ต้องออกมาปกป้องคริสต์มาสของเขา หนังนั้นฮิตมากในหมู่นักดูหนังใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเตอร์เน็ต และนี่เองที่ทำให้ทั้งคู่ได้ก้าวขึ้นมาทำ South Park
South Park เก็บเรตติ้งช่วงกลางคืนมาโดยตลอด กระทั่งในปี 1999 คู่หูนักทำหนัง พาร์คเกอร์และสโตน จึงได้โอกาสพา แสตน, ไคล์, คาร์ทแมน และ เคนนี 4 เด็กแสบแห่ง South Park ขึ้นจอหนังอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที กับ South Park: Bigger, Longer & Uncut แน่นอน เมื่อครั้งอยู่ในจอแก้ว ความห่าม ความรุนแรง และความหยาบคาย ไม่สามารถได้รับการเสนอออกมาอย่างเต็มที่ อย่ากระนั้นเลย ขึ้นจอใหญ่ทั้งที พาร์คเกอร์กับสโตนจึงปล่อยของออกมาอย่างเต็มเหนี่ยว จนได้รับเกียรติติดเรต NC-17 เข้าให้ ลำพังพาร์คเกอร์กับสโตน ไม่ยี่หระอยู่แล้ว แต่คนที่มีปัญหาคือพาราเมาท์ ผู้จัดจำหน่ายหนังในอเมริกาต่างหาก เพราะเดิมที สตูดิโอต้องการให้หนังหยุดอยู่ที่เรต PG-13 ด้วยซ้ำ
South Park: Bigger, Longer & Uncut แอบทำเก๋ ด้วยการขึ้นจอใหญ่ในรูปของหนังเพลง แต่เพลงใน South Park ย่อมไม่ธรรมดา ไม่เชื่อลองดูชื่อเพลงเหล่านี้ Uncle F*cka, What Would Brian Boitano Do? และ Blame Canada แต่ พาร์คเกอร์กับสโตน ไม่ได้เก๋แต่เพียงลำพัง เพราะคณะกรรมการออสการ์ก็เอากับเขา ด้วยการเสนอชื่อ Blame Canada เข้าชิงเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่สุดท้ายคณะกรรมการก็ห่ามไม่ถึงที่สุด เพราะผู้ชนะคือ You’ll Be in My Heart จากการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Tarzan นั่นเอง
ความรุนแรงในหนัง ทำให้เกิดกลุ่มที่เคร่งศาสนา การเมือง ลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน เพราะสิ่งที่เห็นในหนัง มีทั้งฉากเซ็กซ์ของซาตานกับซัดดัม ฮุสเซ็น มีการฆาตกรรมเด็กอย่างทารุณ มีการฆ่าตัวตาย มีฉากนู้ด คำหยาบ และอื่นๆ อีกมากมาย
ตัวหนังนั้นเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก แม้ว่ากว่าครึ่งโลกจะแบนหนังเรื่องนี้ก็ตาม (ประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น) และทำให้เทรย์ พาร์คเกอร์ กับ แมตต์ สโตน กลายเป็นนักสร้างหนัง และนักสร้างวัฒนธรรมใหม่ไปในคราวเดียวกัน ถึงแม้ Team America: World Police อนิเมชั่นเรื่องถัดมาของพวกเขา จะได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ แต่กลับนิ่งสนิทในบ็อกซ์ ออฟฟิศ คงไม่มีอะไรเหมาะสมกับทั้งคู่ไปกว่า South Park อีกแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้ตัวเองเช่นกัน เพราะล่าสุด ทั้งคู่ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า ปี 2010 คุณยังได้ดู South Park แน่นอน
เก็บตกจาก South Park
- เคนนี่ ตายเกือบทุกตอนในฉบับการ์ตูนที่ออกฉายทางโทรทัศน์ และเกือบทุกครั้งที่เคนนี่ตาย จะมีหนูวิ่งกรูกันออกมาแทะศพ แล้ววิ่งออกไป
- ปี 2002 South Park: Bigger, Longer & Uncut ได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ้คเรียบร้อยแล้วว่า เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีความรุนแรงมากที่สุดในโลก นั่นคือ มีคำหยาบหลุดออกมาถึง 399 ครั้ง ฉากที่แสดงความก้าวร้าวอีก 199 ฉาก และมีการแสดงความโหดร้ายอีก 221 ฉาก
- จอร์จ คลูนีย์ ถือเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของทั้งเทรย์ พาร์คเกอร์ และแมตต์ สโตน เพราะคลูนีย์คือส่วนสำคัญในการเผยแพร่ The Spirit of Christmas ดังนั้น เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณ ทั้งคู่จึงชวนคลูนีย์มาให้เสียงพากย์ในตอน Big Gay Al’s Big Gay Boat Ride ในบท...หมาเกย์! โดยที่ตัวละครนี้ไม่มีบทพูดอีกต่างหาก มีแต่เสียงเห่าเท่านั้น (เอาเข้าไป) หลังจากนั้น คลูนีย์ยังได้มาให้เสียงพากย์เป็นคุณหมอที่ปล่อยให้เคนนี่ตาย (ล้อเลียนตัวเองจาก ER) ใน South Park: Bigger, Longer & Uncut อีกด้วย
- ลักษณะตัวละครของ 4 เด็กแสบ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพการ์ตูนในหนังเรื่อง Monty Python’s Flying Circus โดยฝีมือของของเทอร์รี กิลเลียม ฮีโร่ของพวกเขา
- ใครนึกสนุก อยากสร้างสรรค์ตัวละครใหม่ของ South Park ในรูปแบบของตัวเอง เชิญได้เลยที่ http://images.southparkstudios.com/games/create/
2 comments:
อยากเล่นอะ
555+
TT
OJKO6D;T
Post a Comment